ปลายปี๒๕๕๑ ทั่วโลกต้องเจอ มรสุมความล้มสลายของภาวะเศรษฐกิจ หลายประเทศสถาบันการเงินเข้าขั้นตรีทูต รัฐบาลต้องเข้าไปพยุงค้ำเพื่อให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศรอดเดินต่อไปได้ ประเทศไทยก็หนีไม่พ้นมรสุมลูกนี้ แต่หนักหน่อยตรงลูกแถม พายุโซน(ใจ)ร้อนสีแดง ที่มาในรูปไข่ไก่สีนวล คงต้องตามดูกันต่อว่า หลังมรสุมลูกใหญ่ และพายุแถมลูกนี้ผ่านไป ประเทศไทยจะเหลืออะไรไว้บ้าง ว่าแล้วหยิบหนังมาดูตามหลังเขาเรื่องนี้ดีกว่า
วันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
Persuit of Happyness... ขออย่ายอมแพ้
ปลายปี๒๕๕๑ ทั่วโลกต้องเจอ มรสุมความล้มสลายของภาวะเศรษฐกิจ หลายประเทศสถาบันการเงินเข้าขั้นตรีทูต รัฐบาลต้องเข้าไปพยุงค้ำเพื่อให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศรอดเดินต่อไปได้ ประเทศไทยก็หนีไม่พ้นมรสุมลูกนี้ แต่หนักหน่อยตรงลูกแถม พายุโซน(ใจ)ร้อนสีแดง ที่มาในรูปไข่ไก่สีนวล คงต้องตามดูกันต่อว่า หลังมรสุมลูกใหญ่ และพายุแถมลูกนี้ผ่านไป ประเทศไทยจะเหลืออะไรไว้บ้าง ว่าแล้วหยิบหนังมาดูตามหลังเขาเรื่องนี้ดีกว่า
Persuit of Happyness ดัดแปลงสร้างจากชีวิตจริงของนายคริส การ์ดเนอร์ อดีตเซลล์แมนตกงานที่ตอนหลังกลายเป็นเจ้าของบริษัทใหญ่โต หนังได้นักแสดงผิวสีตลกคนดัง วิล สมิธ ที่ช่วงหลังรับงานแสดงประเภทต้องใช้อารมณ์หนักๆเข้มข้นเยอะขึ้น ทำให้เห็นศักยภาพด้านการแสดงของหนุ่มวิลว่า เป็น คนมีของ มารับบทคริส การ์ดเนอร์ในเรื่อง ซึ่งหนุ่มวิลก็มอบการแสดงที่ควรค่าแก่การจดจำของการเป็นนักแสดงฝีมือ ไว้อีกครั้งหนึ่ง ยอมลงทุนทำโทรมทุกอย่าง ทำแล้วน่าเชื่อเสียด้วย แม้ไม่เต็มร้อย แต่อยู่ในขั้น 70 – 80% เรื่องจัดอยู่ในข่าย จากไอ้ขี้แพ้มาเป็นผู้ชนะในตอนท้าย แต่การเป็นผู้แพ้ในเรื่องนี้ ถ้าคนใจไม่สู้ อาจถอดใจไปแล้ว อะไรมันจะบั่นทอน โหดร้ายต่อจากมีชีวิตขนาดนี้ สำนวนไทยที่บอกว่า ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ นั้นเทียบไม่ได้กับสิ่งที่ต่างๆที่โถมเข้ามาในชีวิตของคริส การ์ดเนอร์ นอกจากไม่ได้เดินบนกลีบกุหลาบ ยังต้องเดินบนยางมะตอยร้อนๆที่ตีนแทบไหม้ (ขอใช้คำนี้แล้วกัน) อนาคตไม่ต้องถาม ปัจจุบันหืดไม่จับแค่คอ แต่เข้าไปจับถึงขั้วหัวใจ ครอบครัวง่อนแง่นเมียขอเลิกแทบทุกวัน งานที่ทำก็แทบไม่รอด เพราะสิ่งที่แกขายมันเป็นของที่outไปจากยุคสมัยนั้นแล้ว ลูกไม่ได้เรียนหนังสือต้องเอาไปฝากไว้ในสถานรับเลี้ยงเด็ก ซึ่งเงินก็ไม่พอจ่ายค่าเลี้ยงดู บ้านกำลังจะถูกไล่ ชีวิตสาหัสแบบนี้ถึงบอกว่าถ้าใจไม่สู้ ถอดใจโดดตึก ยิงตัวตายไปนานแล้ว แต่คริส การ์ดเนอร์ไม่ใช่คนแบบนั้น เขาไม่ยอมแพ้ ต้องมีสักวันที่ขายได้ ส่วนจะมีวันนั้นไหม หาหนังเรื่องนี้มาดูเอง ในระหว่างที่เป็นเซลล์ขายของ วันหนึ่งได้เจอกับชายหนุ่มเจ้าของรถคันงาม จึงเข้าไปถามว่า รถคันนี้เจ้าได้แต่ใดมา คำตอบทำให้ คริส เริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ เขาสมัครเรียนเพื่อเตรียมตัวสอบเป็นตัวแทนขายหุ้น อายุขนาดเขาเข้าห้องเรียนเรียกว่าเป็น ไอ้โข่ง ได้เต็มปาก แต่คริสไม่สนใจ เขามุ่งมั่นว่าสักวันชีวิตจะต้องดีขึ้น
Me And You And Everyone We Know
ดูหนังตามหลังเขา
มังกรเฒ่าเทพอักษรแห่งโลกยุทธจักรนวนิยายกำลังภายใน โก้วเล้ง เคยเขียนบรรยายความรู้สึกของ ตัวละคร ที่ชื่อ ปึงอุ้ย (ปึงน้อยที่น่าตาย) ในผลงาน ไต้ตี่ปวยเอ็ง (เหยี่ยวนรกทะเลทราย ) ที่ถูกความโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงากัดกร่อนทุกลมหายใจ ไว้ดังนี้ คนพเนจรทุกผู้คนมีข้อละม้ายเหมือนกันประการหนึ่ง หากเสาะพบบุคคลที่ทำให้ตนไม่โดดเดี่ยวอ้างว้างอีก จะคล้ายคนตกน้ำยึดเหนี่ยวท่อนไม้ท่อนหนึ่ง แม้ตายก็ไม่ยอมปล่อยมือ สำหรับท่อนไม้นั้น สามารถบรรทุกมันถึงฝั่งได้หรือไม่ มันไม่นำพาปรารมณ์ เนื่องเพราะในใจ มันบังเกิดความรู้สึกปลอดภัย นั่นนับว่าเพียงพอแล้ว ความรู้สึกของปึงน้อยที่น่าตายนี้ช่างละม้ายกับ คริสติน ศิลปินสาวผู้เปล่าเปลี่ยว แอบซ่อนความหวานอมเปรี้ยวไว้ ผู้วาดหวังว่าจะมีใครสักคนเดินเข้ามาเติมเต็มความเปลี่ยวเหงาให้หายไป ในหนังรักแสนเหงาสุดจี๊ด เรื่อง Me And You And Everyone We Know หนังเรื่องนี้ถูกกล่าวถึงเป็นอย่างมาก แถมยังคว้ารางวัลสำคัญๆจากการถูกเสนอชื่อเข้าชิงในเทศกาลหนังหลายรายการ แม้ไม่ใช่การประกวดในเทศกาลใหญ่ๆ (มันสำคัญแค่ไหนกันเชียว เมื่อเทศกาลใหญ่ๆคือเรื่องของการตลาด) แต่มันก็ชนะใจคนดูอย่างท่วมท้น หน้าหนังอาจดูเป็นหนังอินดี้ ปีนบันได ต่อไม่ไผ่ขึ้นไปดู แต่เอาเข้าจริงมันเป็นหนังรักโรแมนติกธรรมดาเรื่องหนึ่ง ที่สนุก ขำ เหงา ที่สำคัญดูเข้าใจง่าย นักวิจารณ์จากนิตยสารภาพยนตร์พูดถึงมันว่า นี่เป็นตัวอย่างของหนังอินดี้แห่งอนาคต เต็มไปด้วยมุมมองใหม่ๆ และปริศนาของ ความสัมพันธ์ของมนุษย์ ที่มีวิวัฒนาการไม่ต่างจากเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยขึ้นเรื่อยๆ นี่คือรูปแบบใหม่ของหนังที่ผู้คนกำลังมองหา พูดถึงปัญหาสังคมแต่ไม่หดหู่ พูดถึงศีลธรรมแต่ไม่ตัดสิน มีความเป็นอาร์ตโดยไม่ต้องใช้บันได นอกจากตัวหนังที่ทำออกมาดีจนคนพูดถึงแล้ว อีกส่วนที่ถูกพูดถึงจนเป็นเสียงชื่นชมคือ ตัวผู้กำกับหญิง มิแรนด้า จูไล นี่เป็นหนังเรื่องแรกที่เธอกำกับ และกำกับได้ดีอย่างโดดเด้งมากๆ แค่ฉาก ปลาทองบนหลังคารถ ฉากนี้ต้องบอกว่า จังหวะการตัดต่อ การแสดง หรืออารมณ์ขำ เธอทำออกมาได้ดีชนิด ผู้กำกับเก๋าๆบางคนทำได้ไม่เท่านี้ นอกจากกำกับเธอยังควบตำแหน่งเขียนบท และร่วมแสดง ! ใครที่คิดว่าบทของเธอต้องโดดเด่นกว่าคนอื่น ขอให้หาหนังเรื่องนี้มาดู แล้วจะรู้ว่า บทที่เธอเขียน ทำให้เธอเป็นอย่างนั้นไหม แต่แน่ๆเธอมอบการแสดงที่ทำให้คนดูสัมผัสได้ถึง ความรู้สึกแบบเดียวกับที่มังกรเฒ่าเขียนบรรยายไว้ ใครไม่เคยอยู่อย่างโดดเดี่ยวเป็นเวลานานๆ ไม่มีทางรู้หรอกว่า แต่ละคืนมันยาวนานแค่ไหน แต่ละวันมันเชื่องช้า แถมยังน่าเบื่ออย่างไร ตอนที่ดูหนังเรื่องนี้มีฉากเล็กๆ ที่นำเสนอแบบเรียบง่าย ทว่า กระแทกโดนใจอย่างจัง เป็นฉากที่คริสตินพาคนแก่ไปเลือกซื้อรองเท้า (อาชีพหลักของคริสตินคือเป็นคนขับแท็กซี่สำหรับคนแก่) แล้วเจอกับ ริชาร์ด พนักงานขายรองเท้าในห้างสรรพสินค้าที่เพิ่งหย่ากับภรรยา และต้องรับผิดชอบเลี้ยงลูก 2 คน ริชาร์ดถามคริสตินว่า
ริชาร์ด : คุณไม่คิดจะเปลี่ยนรองเท้าใหม่บ้างหรือ
คริสติน : ไม่หละ ที่ใช้อยู่ตอนนี้ก็เหมาะดีแล้ว แม้มันจะชอบกัดก็ตาม เพราะฉันเป็นคนข้อเท้าต่ำกว่าปกติ
ริชาร์ด : คุณไม่ต้องทนก็ได้นะ คนมักชอบทนกับเรื่องเล็กๆ ที่ไม่น่าต้องทน
คนเราเป็นแบบนี้จริงๆ เรื่องบางเรื่องรู้ว่าต้องแก้ไขหรือจัดการอย่างไร แต่กลับปล่อยให้ตัวเองต้องทนกับเรื่องที่เจ็บปวดแบบนั้น ไม่น่าแปลกใจว่าทำไม หนังเรื่องนี้ถึงโดนใจคนดู เพราะมันมีฉากน้อยแต่ได้มาก จี๊ด โดนใจ สอดแทรกอยู่ตลอดเวลา นอกจากความสัมพันธ์ของคริสตินกับริชาร์ด หนังยังพูดถึงเรื่องราวผู้คนที่อยู่รอบตัวเธอได้อย่างน่ารัก น่าชัง และคมคาย ลึกไปกว่านั้นเธอทำให้ ความรู้สึกสับสน เปลี่ยวเหงาต้องการใครสักคน ของตัวละคร เข้าถึงคนดูได้อย่างนุ่มนวลแต่หนักแน่น และกระแทกใจอีกครั้งเมื่อกลับมาทบทวนหลังดูหนังจบ ฉากจบที่แสนธรรมดา ทว่ากลับทำให้รู้ว่า ณ วินาทีที่ความโดดเดี่ยวเปลี่ยวถูกทำให้หายไปโดย ใครคนหนึ่ง นั้น มัน สุขและอิ่มอุ่น ขนาดไหน แม้ว่า วันข้างหน้า อาจเป็นเฉกเช่นเดียวกับที่มังกรเฒ่าเขียนบรรยายต่อว่า แต่ท่อนไม้ที่ท่านเกาะไว้ บางครั้งมิเพียงไม่อาจบรรทุกท่านถึงฝั่ง กลับจะทำให้ท่านจมเร็วยิ่งกว่า แต่ไยต้องนำมาปรารมณ์ เป็นการดูหนังตามหลังเขาในเดือนเพศหญิงของแม่(สิงหาคม) ที่ช่างสุขใจ แสนอิ่มอุ่นเหลือเกิน
...........................................................................................................................................................................................
Me And You And Everyone We Know: มิแรนด้า จูไล ,จอห์น ฮอร์ค : แสดง / มิแรนด้า จูไล : กำกับ - เขียนบท
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)